ให้นิสิตศึกษาจากเอกสารความรู้ใน e-Learning และตอบคำถามโดยบันทึกคำตอบลงใน Weblog ของนิสิต
1. ในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในอนาคตมี วัตถุประสงค์กี่ประการอะไรบ้าง
# ในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในอนาคตมีวัตถุประสงค์อยู่ 4 ประการ
1. ตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้เพื่อทักษะแห่งอนาคตใหม่ในศตวรรษที่ 21
2. ตอบสนองความทันสมัยและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
3. ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตร และสาระการเรียนรู้
4. ตอบสนองการเรียนรู้รายบุคคลบนโลกสังคมออนไลน์
2. ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คืออะไร
# ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ ความสามารถ สมรรถนะที่ต้องมีในแต่ละบุคคลเพื่อให้สามารถ ปรับตัว และดาเนินชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตในสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และ เทคโนโลยีในช่วงปี ค.ศ.2001-2100
3. บทบาทของผู้สอนยุคใหม่ในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้เป็นอย่างไร
#
4. เทคนิควิธีการสอนแบบโครงงานในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้มีกี่ประเภทอะไรบ้าง
# เทคนิควิธีสอนโดยใช้แหล่งทรัพยากรการการเรียนรู้ในอนาคต
1. วิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Method)
- ขั้นตอนวิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Method)
1. ขั้นกาหนดปัญหา และทาความเข้าใจถึงปัญหา
2. ขั้นแยกปัญหา และวางแผนแก้ปัญหา
3. ขั้นลงมือแก้ปัญหาและเก็บข้อมูล
4.ขั้นวิเคราะห์ข้อมูลหรือรวบรวมความรู้เข้าด้วยกันและแสดงผล
5. ขั้นสรุปและประเมินผลหรือขั้นสรุปและการนาไปใช้
2. วิธีการสอนแบบโครงงาน (Project Based Learning)
- ลักษณะของวิธีการสอนแบบโครงงาน
(1) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้โดยผ่านประสบการณ์ โดยให้ผู้เรียนสามารถ
เรียนรู้ได้จากการกระทา (Learning By Doing)
(2) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เลือกกระทาในสิ่งที่สนใจ ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการด้วย ตนเอง มีการวางแผน มีการแก้ปัญหาการทางานอย่างมีระบบเพื่อให้กิจกรรมนั้นสำเร็จ
วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556
แหล่งการเรียนรู้ประเภทอินเทอร์เน็ต
1.
ให้นิสิตบอกวิธีการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศจากแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีเครือข่ายจานวนมาก และมีหลากหลายบริการเพื่อสะดวกในการเลือกใช้และการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ
รวมทั้งข้อมูลสารสนเทศที่อยู่บนเครือข่ายนั้นมีมากมายมหาศาล ซึ่งผู้ใช้จาเป็นต้องพิจารณาวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวก่อนนาข้อมูลนั้นไปใช้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูผู้สอนที่จะต้องมีการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และนาความรู้นั้นไปถ่ายทอดหรือแนะนาผู้เรียน
ดังนั้นทักษะในการเข้าถึง และการวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศสาหรับครูจึงจาเป็น
ดังรายละเอียดต่อไปนี้ การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายนั้นมีมากมายมหาศาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ดังนั้นในการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ก็สามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศได้ทั่วโลก
โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ดังนี้
1)
ใช้โปรแกรมค้นดูเว็บ
หรือโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser)
2)
ใช้โปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
2.URL คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมานั้นจะจัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น
ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ที่เรียกว่า
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) โดยผู้ใช้สามารถระบุที่อยู่ของทรัพยากรบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า
URLs (Uniform Resource Locators) ซึ่งมีส่วนประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
1.1 โปรโตคอล (Protocal) คือ แหล่งที่อยู่ของทรัพยากรซึ่งโปรโตคอลพื้นฐานสาหรับโปรแกรมค้นดูเว็บ
คือ http
1.2 ชื่อโดเมน (Domain name) คือ ชื่อที่ใช้เรียกเพื่อระบุลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อไปค้นหาในระบบ เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส (IP-Address) ของชื่อดังกล่าว
ซึ่งมีผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้งเราอาจจะใช้
"ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได
3. หลักการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีอะไรบ้าง
หลักการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากมายมหาศาลซึ่งในการสืบค้นข้อมูลนั้นต้องใช้วิจารณญาณเพื่อการตรวจสอบและประเมินเพื่อเลือกใช้ข้อมูลสารสนเทศได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดในการนาไปใช้
ดังนั้นประเด็นในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ประกอบด้วย 3 ประเด็น วัตถุประสงค์ความต้องการในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
คุณภาพของเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ และเนื้อหาที่ใช้ในการเผยแพร่ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ประเมินวัตถุประสงค์ความต้องการในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
ประกอบด้วย
1.1 ผู้ใช้ต้องวิเคราะห์ความต้องการของตนในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
1.2 ผู้ใช้แยกแยะประเด็น และเลือกหัวข้อที่ต้องการสืบค้น
2. พิจารณาด้านคุณภาพเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ ได้แก่
2.1 ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน
เว็บไซต์หรือไม่
2.2 ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวนั้นเป็นสาระเนื้อหาตรงตามวัตถุประสงค์ใน
การสร้าง หรือเผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์หรือไม่
2.3 เว็บไซต์ดังกล่าวได้ให้ที่อยู่ e-mail
address ในการให้ผู้อ่านติดต่อ สอบถามหรือไม่ หรือสามารถติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้หรือไม่
2.4 เว็บไซต์ดังกล่าวสามารถเชื่อมโยง (link) ไปยังเว็บไซต์อื่นที่อ้างถึง ได้หรือไม่
2.5 เว็บไซต์ดังกล่าวมีการปรับปรุงข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องหรือไม่
2.6 เว็บไซต์ดังกล่าวมีช่องทางให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็น
2.7 เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
2.8 เว็บไซต์ดังกล่าวควรมีการระบุข้อความว่า เป็นเว็บไซต์ส่วนตัวหรือระบุแหล่งที่ให้การสนับสนุนในการสร้างเว็บไซต์
2.9 เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
3. พิจารณาด้านเนื้อหาข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ที่นาเสนอ ได้แก่ การใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
8
3.1 ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวมีการบอกแหล่งที่มาของข้อมูลหรือมีการอ้างอิง
เนื้อหาที่นาเสนอบนเว็บไซต์หรือไม่
3.2 เนื้อหามีการระบุวันเวลาในการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์
3.3 เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรม และจริยธรรม
3.4 เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศระบุวันเวลาในการปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุดหรือไม่
3.5 เนื้อหาดังกล่าวในข้อมูลสารสนเทศมีการระบุชื่อผู้เขียนบทความหรือผู้ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์หรือไม่
3.6 คุณภาพของเนื้อหาสาระในการเขียนเนื้อหาข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์
มีความถูกต้อง ประกอบด้วย
3.6.1 สานวนภาษาที่ใช้ในเขียนเพื่อการสื่อสารสารสนเทศบนเว็บไซต์ควรใช้ภาษาที่ถูกต้อง
ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และใช้ภาษาที่เป็นทางการ สละสลวย และสุภาพ โดยไม่ใช้ภาษาปากหรือภาษาพูดที่ไม่สุภาพ
3.6.2 ไม่ควรมีคาสะกดที่ผิดพลาดในข้อความที่เผยแพร่บนสารสนเทศเว็บไซต์
3.7 เนื้อหาสารสนเทศบนเว็บไซต์ดังกล่าวไม่มีความลาเอียงในการนาเสนอสาระ
หรือการแสดงความคิดเห็น โดยควรใช้ข้อเท็จจริงในการสนับสนุนการวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นดังกล่าว
4. Virtual Field Trip คืออะไร
การใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในระบบโรงเรียนจะมีการผสมผสานระหว่างการเดินทางไปศึกษานอกสถานที่ด้วยตนเอง
และการศึกษานอกสถานที่เสมือนจริง (Virtual Field
Trip)
5. จงบอกความหมายของพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง พร้อมยกตัวอย่างด้วยการทำ Link เว็บพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงมาคนละ
1 เว็บไซต์
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
(Virtual museum) คือรูปแบบของการจัดนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ดั้งเดิมที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้สามารถดึงดูดความสนใจให้มีผู้เข้าชมและเรียนรู้
โดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต มาสร้างสื่อมัลติมีเดียหรือสื่อผสม
ให้เป็นภาพ 3 มิติ อาจเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็ได้ ดูภาพได้ทุกทาง
อาจมีเสียง คำบรรยายประกอบ
หรือเป็นวีดิทัศน์สั้น ๆ ให้ผู้ชมรู้สึกเสมือนอยู่ในสถานที่จริง
เป็นการประหยัดเวลา พลังงาน
งบประมาณจากการที่ต้องไปชมสถานที่จริง และยังชดเชยได้ในเรื่องของการดูวัตถุด้วยการหมุนวัตถุ
สามารถดูใกล้ ๆได้ (คาวานอห์, 2549, หน้า 1)
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ ได้เติมเต็มความรู้ของผู้ชม
ผู้ศึกษาไม่ว่าจะเป็นนิสิตนักศึกษา ประชาชน
หรือผู้สนใจทั่วไป เรื่องหรือกิจกรรมจากพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
สามารถเรียนรู้ได้ อาจนำไปปฏิบัติจริงได้
จากกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วยรูปแบบกระบวนการต่าง ๆ
ของการถ่ายทอด
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงมีความน่าในใจที่จะนำมาใช้เป็นสื่อสนับสนุนการเรียนรู้
คือ สนับสนุนให้ผู้ใช้กระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
ช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่นำเสนอทรัพยากรของท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงเป็นสื่อผสมหลายสาขาวิชาที่กระตุ้นประสาทสัมผัสด้วยความเคลื่อนไหว
ทำให้ผู้ใช้มีโอกาสใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ ซึ่งก่อให้เกิดการรู้จักคิดได้หลายรูปแบบ และสนับสนุนการเรียนรู้ให้สดชื่นมีชีวิตชีวา
องค์ประกอบของพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป มีดังนี้
1. ชุดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สร้างภาพจำลองแบบหลายมิติ
ให้ผู้ใช้รู้สึกเสมือนอยู่ในสภาวการณ์จริง (QTVR - Quicktme
Virtual Reality) ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้นำผู้ใช้ได้รู้สึกเสมือนหนึ่งกำลังเดินอยู่ในสถานที่จริง
2. กล้องถ่ายภาพสำหรับถ่ายภาพวัสดุต่าง ๆ ตามแต่จะกำหนด
3. ระบบการถ่ายภาพยนตร์ในภาพกว้างที่สามารถดูได้ในแต่ละส่วน
อาจต่อเนื่องกันในห้องถ่ายภาพยนตร์ซึ่งใช้ชุดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เดียวกัน
(QTVRS)
4. ใส่อักษรตามลำดับพยัญชนะ (A - Z
) เพื่อลำดับหัวข้อในการเข้าถึงและสืบค้นด้วยฐานข้อมูลที่ช่วยการสืบค้น
5. การนำชมต้องอาศัยส่วนประกอบคือ โครงสร้างการบรรยายด้วยตัวอักษรตามหัวข้อและขอบเขต การวาดภาพรวม และโครงสร้างของภาพต่าง ๆ
สรุปคือ
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงทำให้งานพิพิธภัณฑ์เข้าสู่ระบบออนไลน์
ด้วยรูปแบบของนิทรรศการในลักษณะ 3 มิติ
ด้วยชุดโปรแกรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (QVTR) ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเสมือนอยู่ในสถาวการณ์จริง
การสร้างความเคลื่อนไหวขึ้นอยู่กับกระบวนการเตรียมเนื้อหาที่เอื้อให้ผู้ออกแบบโปรแกรม
สามารถสร้างลักษณะเสมือนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอที่ทำให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาอย่างตื่นเต้นและเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงสามารถใช้เป็นเครื่องมือถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องต่าง
ๆ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา
ประชาชนผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจทั่วไป ช่วยทำให้ผู้เรียนหรือผู้รับการถ่ายทอดสนใจในเรื่องที่กำลังศึกษาด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเกิดความเข้าใจจนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงได้เข้ามามีบทบาทบนหน้าเว็บไซต์ของหลายองค์การและหน่วยงาน
ด้วยชุดกรรมวิธีของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
(QTVR-Quicktime Virtual Reality) โครงสร้างภาพต่าง
ๆ และมีชุดของวิธีการสืบค้นไว้ด้วย
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง Art in Paradise Pattaya (อาร์ท อิน พาราไดซ์)
6. จงบอกความหมายของเทคโนโลยี AR มีประโยชน์อย่างไรในการเป็นแหล่งการทรัพยากรการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
1.
เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานเอาโลกในความเป็นจริงและโลกเสมือนที่สร้างขึ้นมาผสานเข้าด้วยกันผ่านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง
ๆ
2.
การสร้างข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบบนโลกเสมือน (virtual world) เช่น ภาพกราฟิก วิดีโอ รูปทรงสามมิติ และข้อความ
ตัวอักษร ให้ผนวกซ้อนทับกับภาพในโลกจริงที่ปรากฏบนกล้อง
3.
โปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบ Model 3 มิติ สามารถสร้างงานเขียนแบบหรือภาพจาลองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
4.
สร้าง Model 3 มิติด้วยเครื่องมือที่มีให้ในโปรแกรมได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)