ให้นิสิตศึกษาจากเอกสารความรู้ใน e-Learning และตอบคำถามโดยบันทึกคำตอบลงใน Weblog ของนิสิต
1. ในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในอนาคตมี วัตถุประสงค์กี่ประการอะไรบ้าง
# ในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในอนาคตมีวัตถุประสงค์อยู่ 4 ประการ
1. ตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้เพื่อทักษะแห่งอนาคตใหม่ในศตวรรษที่ 21
2. ตอบสนองความทันสมัยและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
3. ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตร และสาระการเรียนรู้
4. ตอบสนองการเรียนรู้รายบุคคลบนโลกสังคมออนไลน์
2. ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คืออะไร
# ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ ความสามารถ สมรรถนะที่ต้องมีในแต่ละบุคคลเพื่อให้สามารถ ปรับตัว และดาเนินชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตในสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และ เทคโนโลยีในช่วงปี ค.ศ.2001-2100
3. บทบาทของผู้สอนยุคใหม่ในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้เป็นอย่างไร
#
4. เทคนิควิธีการสอนแบบโครงงานในการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้มีกี่ประเภทอะไรบ้าง
# เทคนิควิธีสอนโดยใช้แหล่งทรัพยากรการการเรียนรู้ในอนาคต
1. วิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Method)
- ขั้นตอนวิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Method)
1. ขั้นกาหนดปัญหา และทาความเข้าใจถึงปัญหา
2. ขั้นแยกปัญหา และวางแผนแก้ปัญหา
3. ขั้นลงมือแก้ปัญหาและเก็บข้อมูล
4.ขั้นวิเคราะห์ข้อมูลหรือรวบรวมความรู้เข้าด้วยกันและแสดงผล
5. ขั้นสรุปและประเมินผลหรือขั้นสรุปและการนาไปใช้
2. วิธีการสอนแบบโครงงาน (Project Based Learning)
- ลักษณะของวิธีการสอนแบบโครงงาน
(1) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้โดยผ่านประสบการณ์ โดยให้ผู้เรียนสามารถ
เรียนรู้ได้จากการกระทา (Learning By Doing)
(2) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เลือกกระทาในสิ่งที่สนใจ ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการด้วย ตนเอง มีการวางแผน มีการแก้ปัญหาการทางานอย่างมีระบบเพื่อให้กิจกรรมนั้นสำเร็จ
423213 Learning Resources Utilization
วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556
แหล่งการเรียนรู้ประเภทอินเทอร์เน็ต
1.
ให้นิสิตบอกวิธีการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศจากแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีเครือข่ายจานวนมาก และมีหลากหลายบริการเพื่อสะดวกในการเลือกใช้และการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ
รวมทั้งข้อมูลสารสนเทศที่อยู่บนเครือข่ายนั้นมีมากมายมหาศาล ซึ่งผู้ใช้จาเป็นต้องพิจารณาวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวก่อนนาข้อมูลนั้นไปใช้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูผู้สอนที่จะต้องมีการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และนาความรู้นั้นไปถ่ายทอดหรือแนะนาผู้เรียน
ดังนั้นทักษะในการเข้าถึง และการวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศสาหรับครูจึงจาเป็น
ดังรายละเอียดต่อไปนี้ การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายนั้นมีมากมายมหาศาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ดังนั้นในการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ก็สามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศได้ทั่วโลก
โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ดังนี้
1)
ใช้โปรแกรมค้นดูเว็บ
หรือโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser)
2)
ใช้โปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
2.URL คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมานั้นจะจัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น
ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ที่เรียกว่า
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) โดยผู้ใช้สามารถระบุที่อยู่ของทรัพยากรบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า
URLs (Uniform Resource Locators) ซึ่งมีส่วนประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
1.1 โปรโตคอล (Protocal) คือ แหล่งที่อยู่ของทรัพยากรซึ่งโปรโตคอลพื้นฐานสาหรับโปรแกรมค้นดูเว็บ
คือ http
1.2 ชื่อโดเมน (Domain name) คือ ชื่อที่ใช้เรียกเพื่อระบุลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อไปค้นหาในระบบ เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส (IP-Address) ของชื่อดังกล่าว
ซึ่งมีผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้งเราอาจจะใช้
"ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได
3. หลักการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีอะไรบ้าง
หลักการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากมายมหาศาลซึ่งในการสืบค้นข้อมูลนั้นต้องใช้วิจารณญาณเพื่อการตรวจสอบและประเมินเพื่อเลือกใช้ข้อมูลสารสนเทศได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดในการนาไปใช้
ดังนั้นประเด็นในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ประกอบด้วย 3 ประเด็น วัตถุประสงค์ความต้องการในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
คุณภาพของเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ และเนื้อหาที่ใช้ในการเผยแพร่ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ประเมินวัตถุประสงค์ความต้องการในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
ประกอบด้วย
1.1 ผู้ใช้ต้องวิเคราะห์ความต้องการของตนในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
1.2 ผู้ใช้แยกแยะประเด็น และเลือกหัวข้อที่ต้องการสืบค้น
2. พิจารณาด้านคุณภาพเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ ได้แก่
2.1 ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน
เว็บไซต์หรือไม่
2.2 ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวนั้นเป็นสาระเนื้อหาตรงตามวัตถุประสงค์ใน
การสร้าง หรือเผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์หรือไม่
2.3 เว็บไซต์ดังกล่าวได้ให้ที่อยู่ e-mail
address ในการให้ผู้อ่านติดต่อ สอบถามหรือไม่ หรือสามารถติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้หรือไม่
2.4 เว็บไซต์ดังกล่าวสามารถเชื่อมโยง (link) ไปยังเว็บไซต์อื่นที่อ้างถึง ได้หรือไม่
2.5 เว็บไซต์ดังกล่าวมีการปรับปรุงข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องหรือไม่
2.6 เว็บไซต์ดังกล่าวมีช่องทางให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็น
2.7 เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
2.8 เว็บไซต์ดังกล่าวควรมีการระบุข้อความว่า เป็นเว็บไซต์ส่วนตัวหรือระบุแหล่งที่ให้การสนับสนุนในการสร้างเว็บไซต์
2.9 เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
3. พิจารณาด้านเนื้อหาข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ที่นาเสนอ ได้แก่ การใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
8
3.1 ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวมีการบอกแหล่งที่มาของข้อมูลหรือมีการอ้างอิง
เนื้อหาที่นาเสนอบนเว็บไซต์หรือไม่
3.2 เนื้อหามีการระบุวันเวลาในการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์
3.3 เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรม และจริยธรรม
3.4 เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศระบุวันเวลาในการปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุดหรือไม่
3.5 เนื้อหาดังกล่าวในข้อมูลสารสนเทศมีการระบุชื่อผู้เขียนบทความหรือผู้ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์หรือไม่
3.6 คุณภาพของเนื้อหาสาระในการเขียนเนื้อหาข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์
มีความถูกต้อง ประกอบด้วย
3.6.1 สานวนภาษาที่ใช้ในเขียนเพื่อการสื่อสารสารสนเทศบนเว็บไซต์ควรใช้ภาษาที่ถูกต้อง
ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และใช้ภาษาที่เป็นทางการ สละสลวย และสุภาพ โดยไม่ใช้ภาษาปากหรือภาษาพูดที่ไม่สุภาพ
3.6.2 ไม่ควรมีคาสะกดที่ผิดพลาดในข้อความที่เผยแพร่บนสารสนเทศเว็บไซต์
3.7 เนื้อหาสารสนเทศบนเว็บไซต์ดังกล่าวไม่มีความลาเอียงในการนาเสนอสาระ
หรือการแสดงความคิดเห็น โดยควรใช้ข้อเท็จจริงในการสนับสนุนการวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นดังกล่าว
4. Virtual Field Trip คืออะไร
การใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในระบบโรงเรียนจะมีการผสมผสานระหว่างการเดินทางไปศึกษานอกสถานที่ด้วยตนเอง
และการศึกษานอกสถานที่เสมือนจริง (Virtual Field
Trip)
5. จงบอกความหมายของพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง พร้อมยกตัวอย่างด้วยการทำ Link เว็บพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงมาคนละ
1 เว็บไซต์
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
(Virtual museum) คือรูปแบบของการจัดนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ดั้งเดิมที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้สามารถดึงดูดความสนใจให้มีผู้เข้าชมและเรียนรู้
โดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต มาสร้างสื่อมัลติมีเดียหรือสื่อผสม
ให้เป็นภาพ 3 มิติ อาจเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็ได้ ดูภาพได้ทุกทาง
อาจมีเสียง คำบรรยายประกอบ
หรือเป็นวีดิทัศน์สั้น ๆ ให้ผู้ชมรู้สึกเสมือนอยู่ในสถานที่จริง
เป็นการประหยัดเวลา พลังงาน
งบประมาณจากการที่ต้องไปชมสถานที่จริง และยังชดเชยได้ในเรื่องของการดูวัตถุด้วยการหมุนวัตถุ
สามารถดูใกล้ ๆได้ (คาวานอห์, 2549, หน้า 1)
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ ได้เติมเต็มความรู้ของผู้ชม
ผู้ศึกษาไม่ว่าจะเป็นนิสิตนักศึกษา ประชาชน
หรือผู้สนใจทั่วไป เรื่องหรือกิจกรรมจากพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
สามารถเรียนรู้ได้ อาจนำไปปฏิบัติจริงได้
จากกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วยรูปแบบกระบวนการต่าง ๆ
ของการถ่ายทอด
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงมีความน่าในใจที่จะนำมาใช้เป็นสื่อสนับสนุนการเรียนรู้
คือ สนับสนุนให้ผู้ใช้กระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
ช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่นำเสนอทรัพยากรของท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงเป็นสื่อผสมหลายสาขาวิชาที่กระตุ้นประสาทสัมผัสด้วยความเคลื่อนไหว
ทำให้ผู้ใช้มีโอกาสใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ ซึ่งก่อให้เกิดการรู้จักคิดได้หลายรูปแบบ และสนับสนุนการเรียนรู้ให้สดชื่นมีชีวิตชีวา
องค์ประกอบของพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป มีดังนี้
1. ชุดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สร้างภาพจำลองแบบหลายมิติ
ให้ผู้ใช้รู้สึกเสมือนอยู่ในสภาวการณ์จริง (QTVR - Quicktme
Virtual Reality) ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้นำผู้ใช้ได้รู้สึกเสมือนหนึ่งกำลังเดินอยู่ในสถานที่จริง
2. กล้องถ่ายภาพสำหรับถ่ายภาพวัสดุต่าง ๆ ตามแต่จะกำหนด
3. ระบบการถ่ายภาพยนตร์ในภาพกว้างที่สามารถดูได้ในแต่ละส่วน
อาจต่อเนื่องกันในห้องถ่ายภาพยนตร์ซึ่งใช้ชุดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เดียวกัน
(QTVRS)
4. ใส่อักษรตามลำดับพยัญชนะ (A - Z
) เพื่อลำดับหัวข้อในการเข้าถึงและสืบค้นด้วยฐานข้อมูลที่ช่วยการสืบค้น
5. การนำชมต้องอาศัยส่วนประกอบคือ โครงสร้างการบรรยายด้วยตัวอักษรตามหัวข้อและขอบเขต การวาดภาพรวม และโครงสร้างของภาพต่าง ๆ
สรุปคือ
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงทำให้งานพิพิธภัณฑ์เข้าสู่ระบบออนไลน์
ด้วยรูปแบบของนิทรรศการในลักษณะ 3 มิติ
ด้วยชุดโปรแกรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (QVTR) ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเสมือนอยู่ในสถาวการณ์จริง
การสร้างความเคลื่อนไหวขึ้นอยู่กับกระบวนการเตรียมเนื้อหาที่เอื้อให้ผู้ออกแบบโปรแกรม
สามารถสร้างลักษณะเสมือนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอที่ทำให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาอย่างตื่นเต้นและเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริงสามารถใช้เป็นเครื่องมือถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องต่าง
ๆ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา
ประชาชนผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจทั่วไป ช่วยทำให้ผู้เรียนหรือผู้รับการถ่ายทอดสนใจในเรื่องที่กำลังศึกษาด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเกิดความเข้าใจจนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงได้เข้ามามีบทบาทบนหน้าเว็บไซต์ของหลายองค์การและหน่วยงาน
ด้วยชุดกรรมวิธีของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
(QTVR-Quicktime Virtual Reality) โครงสร้างภาพต่าง
ๆ และมีชุดของวิธีการสืบค้นไว้ด้วย
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง Art in Paradise Pattaya (อาร์ท อิน พาราไดซ์)
6. จงบอกความหมายของเทคโนโลยี AR มีประโยชน์อย่างไรในการเป็นแหล่งการทรัพยากรการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
1.
เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานเอาโลกในความเป็นจริงและโลกเสมือนที่สร้างขึ้นมาผสานเข้าด้วยกันผ่านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง
ๆ
2.
การสร้างข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบบนโลกเสมือน (virtual world) เช่น ภาพกราฟิก วิดีโอ รูปทรงสามมิติ และข้อความ
ตัวอักษร ให้ผนวกซ้อนทับกับภาพในโลกจริงที่ปรากฏบนกล้อง
3.
โปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบ Model 3 มิติ สามารถสร้างงานเขียนแบบหรือภาพจาลองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
4.
สร้าง Model 3 มิติด้วยเครื่องมือที่มีให้ในโปรแกรมได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
แหล่งการเรียนรู้ประเภทบุคคล
ประวัติ
หม่อมน้อย ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นบุตรีของพระยาราชมนตรี (ภู่ ภมรมนตรี) อันเกิดแต่ท่านผู้หญิงอิน เธอมีพี่น้องต่างมารดาคือ คุณพุ่ม (บุษบาท่าเรือจ้าง) ยอดกวีหญิงในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เบื้องต้นเธอได้เข้าเป็นนางห้ามในกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ซึ่งเป็นที่เชิดหน้าชูตาอย่างมาก เนื่องจากเป็นธิดาของพระยาราชมนตรี] ทั้งสองมีโอรสธิดาด้วยกันสองพระองค์ แต่ต่อมาเมื่อกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ได้สิ้นพระชนม์ในวัยหนุ่ม หม่อมน้อยจึงกลับไปอยู่บ้านที่ท่าช้างวังหลวงร่วมกับบิดาพร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดาทั้งสองที่ยังเล็กอยู่คือ หม่อมเจ้าสาระพัดเพชร ศิริวงศ์ และพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของอดีตสวามี ในช่วงนั้นหม่อมน้อยยังสาวสวยอยู่มาก หม่อมน้อยจึงได้เข้าเป็นนางห้ามในกรมขุนราชสีหวิกรม ต้นราชสกุลชุมสาย มีโอรสธิดาด้วยกัน 7 พระองค์ ซึ่งองค์สุดท้องคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์
หม่อมน้อย เป็นแหล่งการเรียนรู้ประเภทบุคคล เป็นภูมิปัญญาเกี่ยวกับระบบผลิตหรือประกอบอาชีพที่มีลักษณะมุ่งเน้นระบบการผลิตเพื่อต้นเอง หม่อมน้อยมีชื่อเสียงในด้านการผลิตภาพยนตร์เป็นอย่างมาก
วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ความหมาย องค์ประกอบ ประเภทของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
ความหมายของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง ศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ บุคคล สิ่งประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่ ซึ่งมีอยู่กระจัดกระจาย ทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท อันเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ค้นพบได้อย่างไม่รู้จบ
ได้องค์ความรู้ในด้านการทำเกษตรแบบผสมผสาน
การใช้ชีวิตแบบพอเพียง การใช้ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลังจากได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แล้วประสบผลสำเร็จ
ทำให้ที่บ้านจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่
โยฮันน์ คาร์ล ฟรีดริช เกาส์ (เยอรมัน: Johann Carl Friedrich
Gauß) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2302 (ค.ศ. 1777) เสียชีวิต 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) เป็นหนึ่งในตำนานนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
(นักคณิตศาสตร์บางท่านกล่าวว่าสี่ผู้ยิ่งใหญ่ของวงการคณิตศาสตร์มี อาร์คิมิดีส นิวตัน เกาส์
และออยเลอร์) ได้รับฉายาว่า "เจ้าชายแห่งคณิตศาสตร์" (Prince of
Mathematics) เนื่องจากอุทิศผลงานในทุก ๆ ด้านของคณิตศาสตร์ในยุคสมัยของเขา
นอกจากนี้เกาส์ยังมีผลงานสำคัญทางด้านฟิสิกส์ โดยเฉพาะด้านดาราศาสตร์
4)Cleopatra Stratan ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระศิลปะ
1) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
3) ศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล สัตหีบ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
5) บึงฉวาก ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
3) พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระศิลปะ
4) หอสมุดมาวิทยาลัยบูรพา ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหน่วยงานส่งเสริมวิชาการของมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการ สารสนเทศเพื่อการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย พัฒนามาจากห้องอ่านหนังสือ
5) พิพิธภัณฑ์เด็ก กรุงเทพมหานคร ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
ความหมายของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง ศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ บุคคล สิ่งประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่ ซึ่งมีอยู่กระจัดกระจาย ทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท อันเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ค้นพบได้อย่างไม่รู้จบ
ประเภทของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ ประเภทของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
จำแนกได้หลายประเภทตามทัศนะของนักการศึกษาแต่ที่เด่นชัด จำแนกเป็น 5 ประเภทใหญ่ คือ
1.แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทบุคคล หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม
มีผลงานได้รับการยกย่อง
เป็นที่ยอมรับของสังคมซึ่งถือเป็นตัวอย่างต้นแบบกับบุคคลรุ่นหลังสืบไปในหลายสาขาอาชีพ
ตัวอย่าง
1) อัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (เยอรมัน: Albert Einstein - อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์) (14 มีนาคม พ.ศ. 2422 - 18 เมษายน พ.ศ. 2498) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน (ตามลำดับ) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธ์ภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟรโตอิเล็กทริก และจาก "การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี"
2) ปราชญ์ชาวบ้าน พ่อจันที ประทุมภา ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี

3) โยฮันน์ คาร์ล ฟรีดริช เกาส์ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระคณิตศาสตร์

4)Cleopatra Stratan ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระศิลปะ
นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท) Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา
ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมา เนีย
5)Willie Mosconi:ถือเป็นทรัพยากรบุคคลทางด้านกลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา
เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ[William
Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket
Billiards” (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia,
Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล
แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า
ๆ ในครัวของแม่
ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น
และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้
ทั้ง ๆ ที่เขายัง
ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม
2.แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สภาพธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในโลกและอวกาศ
ซึ่งไม่ได้หมายถึงสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์
ตัวอย่างเช่น
1) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเนื้อที่ปกคลุม 2,168 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ
ป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบชื้น ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้า และป่ารุ่นหรือป่าเหล่า
ป่าดงดิบชื้น ลักษณะป่าชนิดนี้เป็นป่าที่อยู่ในระดับความสูง 400-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล พืชพรรณมี 3,000 ชนิด,นกมี 250 ชนิดและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 67 ชนิด ซึ่งได้แก่ ช้าง เสือ ชะนี กวาง และหมูป่า
พบอยู่ตามทุ่งหญ้ากว้างทั่วๆ ไป
3) ศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล สัตหีบ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ของเต่าทะเลไทย
ทางกองทัพเรือจึงได้จัดตั้งศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเลขึ้นมาในปี พ.ศ.2493 ซึ่งคอยดำเนินการเพาะไข่เต่าทะเลไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
โดยในแต่ละปีนั้นสามารถปล่อยเต่าคืนได้หลายพันตัวเลยทีเดียว
โดยการนำเต่าทะเลมาเพาะนั้นเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ทหารเรือ
คอยออกตรวจลาดตระเวนตามเกาะต่าง ๆ (รวมกว่า 16 หาดด้วยกัน) ว่ามีคนมาแอบเก็บไข่เต่าทะเลหรือไม่
และเพื่อหลีกเลี่ยงการลักลอบนี้ เจ้าหน้าที่จึงคอยรวบรวมไข่ที่พบเจอ
มาเพาะฟักในพื้นที่ของทหารเรือเองด้วย ซึ่งหลังจากที่ลูกเต่าเกิดมาได้ระยะหนึ่ง
ทางเจ้าหน้าที่ก็จะนำเต่าไปปล่อยคืนธรรมชาติต่อไป
3) ป่าชายเลน ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
มีความร่มรื่นจากการที่สองข้างทางมีต้นโกงกางและแสมขนาดใหญ่ปกคลุมอย่างหนาแน่น
นอกจากนี้ยังมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนอยู่เป็นระยะ
สิ่งหนึ่งที่ผู้เยี่ยมชมป่าชายเลนจะได้ยินเสมอคือเสียงดัง ป๊อก-แป๊กอยู่เป็นช่วงๆ
ซึ่งเกิดจากกุ้งชนิดหนึ่งที่มีก้ามขวาขนาดใหญ่มีชื่อเรียกว่ากุ้งดีดขัน
และยังมีสัตว์อื่นๆ ที่พบได้ในพื้นที่นี้ เช่น ปลาตีน ปูก้ามดาบ หอยชนิดต่างๆ
ส่วนบริเวณริมทะเลสามารถพบนกได้หลายชนิด เช่นนกยางและนกนางนวล
ซึ่งถือได้ว่าป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอย่างมาก
4) น้ำตกทีลอซู ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำมีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่
ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี
ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย
5) บึงฉวาก ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64
กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช
จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่
บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ.
2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
ตามอนุสัญญาแรมซาร์ที่ประเทศไทยเป็นภาคี
เนื่องจากความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีในบึง
ลักษณะที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือพื้นที่ลุ่ม
พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชี้นแฉะ พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง พื้นที่พรุ
พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง
ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรหรือชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล
แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึงชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดต่ำสุด น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร
ซึ่งบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว คือเป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 – 3 เมตร
3.แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทวัตถุและอาคารสถานที่ หมายถึง วัตถุและอาคารสถานที่
ที่มีศักยภาพเป็นแหล่งความรู้ด้วยตัวของมันเอง สามารถสื่อความหมายโดยลำพังตัวเอง
ตัวอย่างเช่น
1) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ และกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
(อพวช.) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ถือได้ว่าเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์
ที่เป็นการสื่อสารความรู้ให้กับผู้เข้าชม
ให้เข้าใจสาระทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้โดยง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
2)วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระสังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325
เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา
และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ที่นำมาจากกรุงเวียงจันทร์
แต่แท้ที่จริงแล้ว พบเจอวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย
และเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่
เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส
3) พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระศิลปะ
องค์ความรู้ของแหล่งการเรียนรู้คือ เป็นสถานที่สร้างและจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสที่มีความเหมือนจริงมากที่สุด
เพื่อการ อนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีไทย
อันจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าของเยาวชน
4) หอสมุดมาวิทยาลัยบูรพา ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหน่วยงานส่งเสริมวิชาการของมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการ สารสนเทศเพื่อการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย พัฒนามาจากห้องอ่านหนังสือ
5) พิพิธภัณฑ์เด็ก กรุงเทพมหานคร ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
ถูก
จัดให้เป็นสถานที่ที่เป็นแหล่งเรียนรู้นอกเหนือจากการเรียนในโรงเรียนแล้ว
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ใหญ่ควรจะให้ความสำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กมีโลก
แห่งการเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เด็ก
กรุงเทพมหานครขึ้นตามพระราชปรารภของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้
โดยยึดหลักให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เน้นการลงมือทำด้วยตนเอง
ได้ความเพลิดเพลินและมีความสุขไปพร้อมกับการเรียนรู้
4.แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทสื่อ หมายถึง
สิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่ใช้เป็นช่องทางการสื่อสาร แยกได้ 2 ประเภท คือ
(1) สื่อทางด้านกายภาพ ได้แก่ วัสดุ ลักษณะสิ่งพิมพ์
ฟิล์ม แผ่นภาพโปร่งใส เทปบันทึกภาพ เทปบันทึกเสียง แผ่น CD ชนิดเสียงและภาพ
เป็นต้น อุปกรณ์ เป็นตัวช่องทางผ่านในลักษณะเครื่องฉาย เครื่องเสียงชนิดต่างๆ
เป็นต้น
(2) สื่อทางด้านวิธีการ
ได้แก่ รูปแบบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งการใช้เทคโนโลยีพื้นบ้าน
และเทคโนโลยีระดับสูง ได้แก่ (2.1) สื่อท้องถิ่น (2.2) สื่อกิจกรรม
ตัวอย่างเช่น
1) คอมพิวเตอร์ ถือว่าเป็นสื่อด้านกายภาพ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์ถูกประดิษฐ์ออกมาให้ประกอบไปด้วยความจำรูปแบบต่าง ๆ
เพื่อเก็บข้อมูล
อย่างน้อยหนึ่งส่วนที่มีหน้าที่ดำเนินการคำนวณเกี่ยวกับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์
และตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ และส่วนควบคุมที่ใช้เปลี่ยนแปลงลำดับของตัวดำเนินการโดยยึดสารสนเทศที่ถูกเก็บไว้เป็นหลัก
อุปกรณ์เหล่านี้จะยอมให้นำเข้าข้อมูลจากแหล่งภายนอก
และส่งผลจากการคำนวณตัวดำเนินการออกไป
2) เทป ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระภาษาไทย
ตลับเทป (อังกฤษ: Compact
Cassette) หรือมักเรียกโดยย่อว่า เทป มักหมายถึงเทปเสียงหรือเทปเพลง คือรูปแบบการบันทึกเสียงลงสื่อรูปแบบหนึ่งโดยใช้แถบแม่เหล็ก เทปมีขนาดเล็กสามารถพกพาได้อย่างสะดวก
ใช้งานตั้งแต่บันทึกเสียงในบ้านจนถึงเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในไมโครคอมพิวเตอร์ ในช่วงแรกระหว่างต้นทศวรรษ 1970 และปลายทศวรรษ 1990 ตลับเทปเป็นหนึ่งในสองอย่างที่มักใช้ในการบันทึกเสียงเพลง
ควบคู่ไปกับแผ่นเสียง ซึ่งต่อมามักใช้เป็นซีดีแทน
3) หมอลำ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระศิลปะ
หมอลำ เป็นรูปแบบของเพลงลาวโบราณในประเทศลาวและภาคอีสานของประเทศไทย สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายอย่าง ตามลักษณะทำนองของการลำ เช่น ลำเต้ยลำกลอน ลำเรื่อง ลำเรื่องต่อกลอน ลำเพลิน ลำซิ่ง รวมทั้ง ลำตัดในภาคกลางก็จัดได้ว่าเป็นหมอลำประเภทหนึ่ง
คำว่า
"หมอลำ" มาจากคำ 2 คำมารวมกัน ได้แก่ "หมอ" หมายถึง ผู้มีความชำนาญ และ
"ลำ" หมายถึง การบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยทำนองอันไพเราะ ดังนั้น
หมอลำ จึงหมายถึง ผู้ที่มีความชำนาญในการบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยทำนองเพลง
4) นิทานอีสป ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระภาษาไทย
อีสป (อังกฤษ: Aesop – ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล หรือราวพุทธกาล?) นักเล่านิทานชาวกรีก
ในตำนาน กรีก โบราณ นิทานที่กล่าวว่าเล่าโดย "อีสป"
เชื่อกันว่าเป็นนิทานที่รวบรวมมาจากหลายแหล่ง
นิทานอีสปได้รับความนิยมแพร่หลายเนื่องจากกวีชาวโรมันชื่อเพดรัสนำมาเล่าจนแพร่หลายในคริสต์ศตวรรษที่ 1 (ระหว่าง พ.ศ. 443-543) และต่อมา "ฌอง เดอ ลา ฟงแทน" กวีชาวฝรั่งเศสได้นำมาเรียบเรียงใหม่เป็นร้อยกรองที่ค่อนข้างเกินจริงแต่มีชีวิตชีวาเมื่อปี พ.ศ. 2211
นิทานที่อีสปเล่า
นิยมเรียกกันว่า นิทานอีสป เป็นนิทานสอนคนทั่วไปในด้านศีลธรรมโดยใช้สัตว์ต่างๆ
เป็นตัวละคร เช่น เรื่องเด็กเลี้ยงแกะ ลาโง่ หมาจิ้งจอกกับองุ่น เป็นต้น
สำหรับ ตัวอีสปเองนั้น
เชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่เดิมเคยเป็นทาสมาก่อน
แต่สามารถเป็นไทได้เพราะความสามารถในการพูดของตัวเอง
เป็นบุคคลที่ไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม เป็นคนพูดที่เก่งกาจคนหนึ่งในยุคนั้น
5) โปรแกรมเต่าโลโก้ ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทางด้านกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
ภาษาโลโก (Logo Language)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงที่เหมาะสำหรับใช้ในการเรียนรู้
พัฒนาสติปัญญา และความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักการการเขียนโปรแกรม
ผู้เขียนโปรแกรมจะสามารถลองผิดลองถูก เรียนรู้โดยการทดลองทำ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
เกิดการเรียนรู้โดย การค้นพบ ทำให้มีการพัฒนาความนึกคิดอย่างมีเหตุผล มีหลักการ
มีความคิดต่อเนื่อง
และยังช่วยเสริมสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
จากการเกิดแนวคิดในการแก้ปัญหาและพิสูจน์ ภาษาโลโกพัฒนาโดย Papert และคณะจาก MIT เพื่อเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมและสั่งการคอมพิวเตอร์
แทนการให้ผู้เรียนทำตามคำสั่งที่มีผู้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไว้
ตัวแปลภาษาโลโกที่น่าสนใจคือ MSW Logo ซึ่งพัฒนาที่มหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์
สหรัฐอเมริกา
5. แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้เสมือนจริงบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ตัวอย่าง
1) Google ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
Google ก่อตั้งโดย Larry
Page และ Sergey Brin ทั้งคู่เจอกันตอนเรียนปริญญาเอกอยู่
ในปีค.ศ. 1996 โดยในตอนแรกตั้งชื่อว่า Back
Rub ห้องพักในมหาวิทยาลัยของคนทั้งสองถูกแปรสภาพเป็นสำนักงาน
ห้องพักของเพจเป็นศูนย์สารสนเทศ ส่วนห้องพักของบรินเป็นสำนักงานธุรกิจ
ต่อมาได้ย้ายสำนักงานไปยัง Menlo Park มลรัฐแคลิฟอร์เนีย
ในที่สุดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 1998
Google.com ก็ถือกำเนิดขึ้น ณ ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอู่ซ่อมรถ
ด้วยเงินลงทุน 1 ล้านดอลลาร์อเมริกันที่ระดมจากญาติสนิทและมิตรสหาย
- Google เติบโตอย่างรวดเร็ว ผงาดขึ้นเป็น Search
Engine ยอดนิยมภายในชั่วเวลาเพียง 5 ปี ปัจจุบันมีคนที่ใช้บริการของ Google.com เฉลี่ย 200 ล้านครั้งต่อวัน
ซึ่งความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากความรวดเร็วในการให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการ
และความเที่ยงตรงของข้อมูลที่ให้ - Google ก้าวออกจากธุรกิจ Search
Engine และก้าวเข้าสู่ Software Industry และแล้วหลังจากนั้น Google ได้เริ่มบทใหม่
กลายเป็นบริษัทมหาชน หลังจากยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ
เพื่อเปิดขายหุ้นมูลค่า 2,700 ล้านดอลลาร์
โดยแต่งตั้งให้มอร์แกน สแตนเลย์ และเครดิต สวิส เฟิร์ส บอสตัน เป็นผู้รับประกัน
อย่างสมบูรณ์
2) Wikipedia ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
Wikipedia คือ สารานุกรม ซึงมีหลายภาษา สามารถเข้าไปอ่านได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องสมัครสมาชิกใดๆ อีกทั้งยังสามารถปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหา ซึ่งทำให้วิกิพีเดียกลายเป็นสารานุกรมที่ได้รับการแก้ไขรวบรวมและดูแลรักษา จากอาสาสมัครทั่วโลก ผ่านซอฟต์แวร์ ชื่อ มีเดียวิก ในปัจจุบันวิกิพีเดียมีทั้งหมดมากกว่า 250 ภาษา สารานุกรมวิกิพีเดียได้รับการยอมรับจากนักวิชาการและสื่อมวลชน เนื่องจากเนื้อหาเปิดเสรีให้สามารถนำไปใช้ได้ รวมถึงเปิดเสรีที่ให้ทุกคนแก้ไขรวมถึงนโยบายมุมมองที่เป็นกลางจากทุกฝ่ายที่ เขียนในสารานุกรม ดังนั้นข้อมูลใน Wikipedia จึงค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือสูง
3) Yahoo
ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
Yahoo! Address Book คือตัวช่วยจัดการผู้ติดต่อออนไลน์ที่ทำหน้าที่คล้ายกับสมุดจดที่อยู่สมัยก่อนที่เป็นกระดาษ
แต่ก็มีดีกว่าตรงที่มีฟีเจอร์และการใช้งานต่าง ๆ มากมาย
สามารถใช้เก็บข้อมูลผู้ติดต่อทั้งหมดที่เรามีไม่ว่าจะเป็นคนหรือบริษัทที่เราติดต่อด้วย
จุดเด่นก็คือเป็นสมุดที่อยู่ออนไลน์
ขอเพียงแค่ต่อเน็ตได้ก็สามารถเข้าใช้งานได้สบายจากทุกหนทุกแห่งในโลก
นอกจากจะค้นหาข้อมูลได้สะดวกแล้ว Yahoo! Address Book ยังช่วยจัดกลุ่มผู้ติดต่อเข้าเป็นหมวดหมู่ได้ตามที่เราต้องการ
ตัวอย่างเช่น สร้างหมวด "ที่ทำงาน" "ครอบครัว" หรือ
"ทีมฟุตบอล" เป็นต้น เราสามารถสร้างกลุ่มผู้ติดต่อแยกไว้เป็นหลายหมวด
และมีข้อมูลผู้ติดต่อทั้งหมดอยู่ในนั้นด้วย ไม่เฉพาะแค่ที่อยู่เมล์เท่านั้น
4) Web OPAC ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระ
คือ ฐานข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศ (Online Public Access Catalog – OPAC) เป็นฐานข้อมูลรายการบรรณานุกรมที่หน่วยงาน
สถาบันหรือแหล่งบริการสารสนเทศนั้นๆ
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยค้นหาและชี้แหล่งทรัพยากรให้กับผู้ใช้ในการค้นหาหนังสือ
บทความวารสาร โสตทัศนวัสดุ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ ฯลฯ ซึ่งมีความสะดวก
รวดเร็วและค้นหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากแหล่งบริการสารสนเทศส่วนใหญ่ใช้ระบบออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต
การสืบค้นสามารถทำได้ง่าย เช่น การค้นด้วยชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง หัวเรื่อง คำสำคัญ
เลขเรียกหนังสือ ซึ่งใช้หลักการสืบค้นเช่นเดียวกับการสืบค้นด้วยบัตรรายการ
5) ThaiLIS TDC ถือเป็นทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ทั้ง8กลุ่มสาระ
TDC หรือ Thai Digital Collection เป็นโครงการหนึ่งของ ThaiLIS มีเป้าหมายเพื่อให้บริการสืบค้นฐานข้อมูลเอกสารฉบับเต็ม
ซึ่งเป็นเอกสารฉบับเต็มของ วิทยานิพนธ์ รายงานการวิจัยของอาจารย์ รวบรวมจากมหาวิทยาลัยต่าง
ๆ ทั่วประเทศ นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร
ในการเข้าใช้บริการนั้นจะต้องเข้าใช้งานจากคอมพิวเตอร์ ภายในห้องสมุดสมาชิก
ดูรายละเอียดห้องสมุดสมาชิก ได้จากทางเลือกมหาวิทยาลัย/สถาบัน การดำเนินการในปัจจุบันได้ดำเนินการ migrate ข้อมูลจากระบบเดิม เข้าสู่ระบบใหม่เรียบร้อยแล้ว
รวมทั้งได้มีการจัดอบรมการใช้งาน การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบให้กับสมาชิกใหม่ เช่น
มหาวิทยาลัยเอกชน หน่วยงานอื่นๆ
ที่มีจุดมุ่งหมายในการให้ความรู้และต้องการเผยแพร่ผลงานต่าง ๆ ให้สังคม
เพื่อให้สังคมได้นำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้เดิม
และพัฒนาประเทศต่อไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)